เมื่อเราปั่นจักรยานมาได้สักระยะแล้ว บางคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากจะหาอุปกรณ์ใหม่ๆ ไว้แต่งจักรยาน หรือตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง เช่น การหาเทรนเนอร์มาไว้ซ้อมตอนไม่มีเวลาบ้าง เล่นเกมบ้าง ฝึกซ้อมภายในห้องบ้าง หรือปั่นได้แม้เวลาสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยบ้าง เรียกได้ว่าเทรนเนอร์ดีๆ สักตัวก็เป็นสิ่งที่น่าลงทุนและมีไว้ติดบ้านไว้เลยทีเดียว ถ้าอยากจะซื้อเทรเนอร์สักตัวจะซื้อแบบไหนดีล่ะ? วันนี้เราจะพาพี่ๆ มาดูเทรนเนอร์แต่ละรุ่นของ Kinetic กันครับผม

มาดูที่รุ่นแรกเป็นเทรนเนอร์ระบบ Direct Drive จะมีรุ่น Kinetic R1 ที่เป็นสมาร์ทเทรนเนอร์ สิ่งที่ผู้ปั่นเทรนเนอร์กังวลมากคือเรื่องการสิ้นเปลืองยาง เพราะราคายางต่อเส้นค่อนข้างแพง! แต่กับ Kinetic R1 ไม่ต้องกังวลเลย เพราะไม่ต้องใช้ล้อหลังในการปั่นไม่เปลืองยางช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องยางไปเยอะเลยทีเดียว ด้วยเทคโนโลยี Rock and Roll ของ Kinetic R1 ทำให้ผู้ปั่นนั้นสมารถยืนแล้วโยกปั่นได้อย่างธรรมชาติเสมือนปั่นอยู่ในสถานที่จริง ปรับระดับความชันอัติโนมัติได้อย่างสมจริงทลายกำแพงความน่าเบื่อในเรื่องการปั่นเทรนเนอร์ ทำให้เจ้าเทรนเนอร์แบบนี้นั้นเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาวซื้อแล้วครบจบในตัวเดียวไม่ต้องมีการใช้จ่ายเรื่องยางบ่อยๆ และเหมาะกับผู้ที่ชอบซ้อมแบบจริงจังกับผู้ที่ชื่นชอบการซ้อมในเกมแบบเสมือนปั่นจริง

สามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในการปั่นและเล่นเกม Zwift ที่นักปั่นหลายๆ คนชื่นชอบจำลองการปั่นได้อย่างสมจริง การเชื่อมต่อไร้สายผ่านอุปกรณ์ ANT+ และ Bluetooth สามารถดูค่าวัตต์กับรอบขาและค่าความเร็วได้ด้วยตัวเองในกรณีจักรยานที่ไม่มีพาวเวอร์มิเตอร์ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อต่อระบบ ANT+ FEC ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อให้ไมล์สามารถควบคุมเทรนเนอร์ได้ในกรณีที่มีการเขียนตารางซ้อม ผู้ใช้ Kurt Kinetic สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น Kinetic Fit ที่มีโปรแกรมการฝึกมากมายได้ฟรีและยังรองรับแอพพลิเคชั่นการฝึกต่างๆ หรือการเล่นเกมนอกจาก Kinetic Fit เช่น Zwift, Trainer Road, Rouvy, Kinomap, Sufferfest และ FulGaz ได้

ใครชอบปั่นแบบหนักๆ ต้องชอบเจ้าตัวนี้แน่นอนเพราะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากๆ ทำให้มันปรับความลาดชันสูงสุดได้ถึง 20% ความแม่นยำ ±3% และความต้านทานสูงสุด 2,000 วัตต์! รองรับเฟืองของ Shimano, SRAM แต่สำหรับชุดขับ Campagnolo นั้นต้องซื้ออุปกรณ์แยกเพิ่มต่างหากเพราะมีเฟืองที่ค่อนข้างเป็นรูปแบบเฉพาะ สามารถพับขาตั้งเก็บได้สำหรับผู้มีพื้นที่จำกัด รองรับแกนปลดแบบธรรมดาและแบบ Thru axle โดยมี Adapter มาให้ทำให้ใช้ได้แบบครอบคลุม รองรับชุดขับแบบ 8-11 Speed สำหรับ 8 – 10 Speed ทาง Kinetic R1 ได้แถมแหวนที่เป็น Adapter ใช้ร่วมกับเกียร์มาให้ด้วยครับ! ถ้าเป็น 11 Speed สามารถถอดเฟืองมากใส่ที่เจ้า Kinetic R1 แล้วใช้ได้เลย นอกจากนี้แล้วยังแถมแกนปลดเทรนเนอร์ขนาด 9 มม. ที่มีความทนทานในการรองรับน้ำหนักได้อย่างดีมาไว้ใส่แทนแกนปลดของพี่ๆ นักปั่นที่เลือกใช้ Kinetic อีกด้วยครับผม และแน่นอนว่าเมื่อลูกเล่นเจ้าตัวนี้มันเยอะมากมายเหลือเกินต่ออะไรได้หลายอย่างภายในกล่องมีแถมคู่มือ KINETIC R1 TRAINER ให้อีกด้วยสำหรับพี่ๆ ที่ต้องการวิธีการเชื่อมต่อหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ร่วมกับเทรนเนอร์ไม่ต้องกังวลเลย!

แบบที่สองคือระบบน้ำมันมีสองรุ่นคือ Road Machine Smart 2 และ Rock and Roll Smart 2 โดยทั้งสองรุ่นนี้จะมีพอตที่สามารถส่งสัญญาณเพื่อใช้เชื่อมต่อ Ant+ และ Bluetooth และยังสามารถดูค่าวัตต์กับรอบขาและค่าความเร็วได้ด้วยตัวเองในกรณีจักรยานที่ไม่มีพาวเวอร์มิเตอร์ อีกทั้งยังสามารถเล่นเกมและเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นสำหรับการปั่น และแถมแกนปลดเทรนเนอร์ขนาด 9 มม. ที่มีความทนทานในการรองรับน้ำหนักได้กว่าแกนปลดเร็วที่ติดรถมาให้นักปั่นที่เลือกใช้ Kinetic อีกด้วยครับ

วิธีการใช้งานก็จะแตกต่างจากแบบ Direct Drive ตรงที่ไม่ต้องถอดล้อถอดเฟืองไปใส่เทรนเนอร์ แค่ยกจักรยานของท่านไปที่เทรนเนอร์แล้วหมุนตัวจิกดุมล้อล็อคให้แน่นแล้วหมุนตัวลูกกลิ้งให้ชิดกับยางแล้วบิดเข้าไปอีกประมาณ 3 รอบครึ่งก็สามารถปั่นได้เลย รองรับล้อจักรยาน 22 – 29 นิ้ว และรองรับแกน Kinetic Traxle  สำหรับจักรยานเสือภูเขาและเสือหมอบที่มีแกนมีแกน 12 มิล จักรยานบางรุ่นแกนที่ติดมากับตัวรถมาอาจมีความยาวที่ยื่นออกมากไม่พอและทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอในกับจับยึดบนเทรนเนอร์สามารถซื้อแกน Thru Axle ของทาง Kurtได้ซึ่งต้องเลือกให้ถูกรุ่น เพราะจักรยานแต่ละแบรนด์จะมีเกลียวความละเอียดที่แตกต่างกัน  ด้านการปรับความหนืดเจ้าตัวนี้ไม่สามารถที่จะปรับความหนืดอัตโนมัติได้ แต่ว่าเมื่อปั่นไปนานๆ เจ้าตัวระบบน้ำมันนี้มันจะปรับความหนืดขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงของผู้ปั่นยิ่งปั่นยิ่งหนืด หรือถ้าหากยังหนืดไม่พอมันสามารถรองรับ Pro Flywheel ที่จะมาเสริมกับเทรนเนอร์ทำให้มีความหนืดที่มากขึ้นได้อีกด้วย สำหรับที่พี่ๆ ที่ไม่เห็นภาพไม่ต้องกังวลครับผมเพราะหากซื้อเทรเนอร์ไปแล้วในกล่องจะมีคู่มือแถมไปด้วยสามารถดูได้อย่างละเอียดครับผม

มาถึงสำหรับข้อแตกต่างสำหรับรุ่น คือ Road Machine Smart 2 และ Rock and Roll Smart 2 พี่ๆ นักปั่นเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงจะสงสัยว่าอ้าวฟังก์ชั่นมันคล้ายกันไปหมดแต่ทำไมมันรูปร่างไม่เหมือนกันล่ะ มันต้องมีอะไรที่ต่างกันไปอีกสิ ใช่ครับ สองรุ่นนี้มีความแตกต่างกันอีกตรงที่ Rock and Roll Smart 2 นั้นจะได้เทคโนโลยีแบบเดียวกับรุ่น R1 คือ เทคโนโลยี Rock and Roll ที่สามารถช่วยให้พี่ๆ นักปั่นสามารถยืนโยกปั่นได้อย่างธรรมชาติและไม่ต้องทนติดแหงกกับการปั่นแบบล็อคติดอยู่กับที่อีกต่อไป

ในขณะที่ Road Machine Smart 2 ไม่สามารถยืนโยกปั่น สองรุ่นนี้สามารถเชื่อต่อ Small Wheel Adaptor ในกรณีที่ใช้จักรยานที่มีล้อขนาดเล็กกว่า 22 นิ้ว เช่นจักรยาน BMX เจ้า Small Wheel Adaptor ก็จะมาช่วยเสริมให้ปั่นบนเทรนเนอร์ทั้งสองรุ่นนี้ได้นั่นเอง เทรนเนอร์สองรุ่นนี้จึงเหมาะกับผู้ที่เริ่มใช้เทรนเนอร์ ข้อเสียคือแน่นอนว่ามันจะกินงบไปในเรื่องของยางใช้เทรนเนอร์ประเภทนี้อาจจะต้องเปลี่ยนยาง 2 ครั้งต่อปีสำหรับการปั่นเทรนเนอร์อย่างเดียวจึงแนะนำว่าให้ใช้ยางซ้อมที่มีคุณภาพสูงครับผม

ผู้ที่ซื้อเทรนเนอร์ Kinetic รุ่น Road Machine Smart 2 และ Rock and Roll Smart 2 จะสังเกตุได้ว่าจะมี Sensor สีเขียวๆ อยู่ด้านหลัง โดยเจ้าตัวนี้สามารถถอดแยกออกมาจากเทรนเนอร์ได้และซื้อแยกได้อีกเช่นกันในกรณีที่มันชำรุด เมื่อซื้อเทรนเนอร์สองรุ่นนี้ทางเราจะมี Sensor InRide 3 ให้กับเทรนเนอร์ไปเลย พอตตัวนี้ใช้ถ่าน CR2032 ที่เป็นถ่านแบบเม็ดกระดุมสามารถหาซื้อให้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อหากถ่านหมดเพียงแค่เปิดฝ่าแล้วงัดถ่านออกมาเปลี่ยนได้เลยโดยหันด้านบวกขึ้นแล้วเอาด้านลบเข้า การทำงานของเจ้าพอตตัวนี้มันจะทำให้เทรนเนอร์ของพี่ๆ นั้นสามารถเชื่อมต่อกับ Ant+ และ Bluetooth

สามารถเลื่อนดูคู่มือการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ของเทรนเนอร์ทั้ง 3 รุ่นได้ที่อัลบั้มข้างล่างนี้ครับผม

Kinetic R1

Road Machine Smart 2

Rock and Roll Smart 2