การปั่นจักรยานให้มีประสิทธิภาพและไปได้เร็วนั้นประกอบไปด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งปัจจัยภายนอกปัจจัยภายในที่มีผลต่อตัวนักปั่นเองและมีผลต่อจักรยาน หนึ่งในปัจจัยเหล่านั้นคือ “แรง” แรงหรือค่าวัตต์ที่เรามักพบกันในพาวเวอร์มิเตอร์นั้นมีผลต่อความเร็วของจักรยานเป็นค่าหลักๆ เลย เหมือนกับการที่เราออกแรงเพื่อสับขาถี่ๆ เราก็จะเดินได้เร็วแต่ก็จะเหนื่อย กับ การที่เราเดินข้าๆ ค่อยๆ ออกแรงไม่มากเราก็จะค่อยๆ เดินแบบไม่เหนื่อย

ที่กล่าวมาข้างบนนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป อาจจะจริงที่เราเดินเร็วก็ทำให้เราไปข้างหน้าได้เร็ว เดินช้าเราก็ไปข้างหน้าได้ช้า แต่สำหรับการปั่นจักรยานนั้น ถึงจะออกแรงเยอะๆ ก็ไม่ได้ทำให้คุณปั่นจักรยานได้เร็วเสมอไปอาจจะทำให้คุณเหนื่อยจนปั่นจักรยานได้ไม่มีประสิทธิภาพด้วยซ้ำถ้าคุณไม่รู้จักควบคุมสมดุลของแรงขาทั้งสองข้างให้สามารถส่งแรงได้เท่ากันอย่างสม่ำเสมอตลอดการปั่นของคุณ เพราะถ้าเราส่งแรงหนักๆ แค่บางช่วงก็จะทำให้รถคุณนั้นพุ่งกระชากความเร็วแค่บางช่วงจังหวะเท่านั้น แต่ถ้าคุณรู้จักการบาลานซ์แรงขาทั้งสองข้างประกอบกับการดูค่าวัตต์คุณจะสามารถนำมันไปพัฒนาการปั่นให้จักรยานของคุณคงความเร็วไปได้เป็นช่วงระยะเวลานานๆ หรือ ไปตลอดช่วงระยะเวลาของการปั่นได้ เราจึงจะมาพูดถึงความสำคัญของการฝึก LR Balance แบบฉบับมือใหม่กันครับ 

พูดให้เข้าใจง่ายการฝึก LR Balance คือ การฝึกใช้แรงขาให้แรงของขาทั้งสองข้างนั้นเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากที่สุด ทำให้ขาของเรานั้นมีประสิทธิภาพในการส่งแรงมากขึ้น เป็นผลให้จักรยานของเราพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงที่สมดุลตลอดทุกช่วงการปั่น จักรยานก็จะพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอตลอดทั้งช่วงการปั่นแต่ละช่วงไม่ว่าจะอยู่ที่เกียร์ใดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยให้รอบขาของคุณนั้นเป็นวงกลมขึ้นและยังสามารถช่วยให้การทำงานของมัดกล้ามเนื้อขาทั้งสองข้างทำงานได้ดีเท่าๆ กันลดปัญหาอาการบาดเจ็บที่ขาข้างใดข้างหนึ่งได้อีกด้วย 

ทั้งนี้การฝึก LR Balance ต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Power Meter ด้วย แต่ต้องใช้แบบสองข้างเท่านั้น เพราะว่าการทำงานของพาวเวอร์มิเตอร์แบบข้างเดียวจะทำงานเป็น 2 เท่าของขาจานแบบสองข้าง โดยทำงานแบบการรวมค่ามาไว้ที่ขาจานข้างเดียวเป็น 100% เราจึงจะไม่สามารถรู้ได้ว่าขาจานอีกข้างที่ไม่ได้ใช้พาวเวอร์มิเตอร์จะมีแรงที่บาลานซ์กับข้างที่ใช้พาวเวอร์มิเตอร์หรือไม่ จึงต้องใช้พาวเวอร์มิเตอร์แบบ LR ในการซ้อม 

โดยการเชื่อมต่อขาจานสองข้างเข้าที่ไมล์จักรยานและสร้างช่องข้อมูลที่สามารถบอกค่า LR Balance ได้ เราจึงจะเห็นค่า LR Balance ในขณะปั่นของทั้งสองข้างออกมาเป็นขาข้างซ้ายและขาข้างขวาแบบ 50:50 ได้ ซึ่งในขณะที่ปั่นค่าทั้งสองฝั่งก็จะขึ้นลงและจะสามารถเปรียบเทียบได้ว่าการส่งแรงงัดและแรงกดของขาทั้งสองข้างนั้นเท่ากันหรือใกล้เคียงกันหรือไม่ ช่วยให้เราฝึกซ้อมได้ง่ายขึ้น

ตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นเราจะสามารถรับรู้ความรู้สึกได้จากการที่เราฝึกฝนหรือทำอะไรสักอย่างเป็นระยะเวลานานๆ แล้ว ซึ่งการรับรู้แรงงัดและแรงกดของขาเราก็มีวิธีที่จะทำให้เรารับรู้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องใช้พาวเวอร์มิเตอร์ได้ ก็คือ การฝึกปั่นข้างเดียวนั่นเอง 

การฝึกปั่นด้วยขาข้างเดียวเป็นวิธีที่นักปั่นที่ใช้คลีทนิยมฝึกซ้อมกันด้วยการใช้ขาเพียงข้างเดียวปั่นจักรยานด้วยการออกแรงกดและแรงงัด เริ่มต้นจากขาข้างใดก่อนก็ได้ แต่เริ่มจากข้างที่เคยชินจะดีกว่า วิธีการฝึกคือให้เราปลดคลีทข้างที่เราไม่ถนัดออกก่อนและใช้ขาข้างที่ถนัดที่สุดปั่นเพียงข้างเดียวด้วยการออกแรงกดแรงงัดในทุกๆ เกียร์เพื่อให้จักรยานเราปั่นไปข้างหน้า 

การเริ่มจากขาที่เราถนัดจะทำให้เราสามารถจำความรู้สึกของการออกแรงกดแรงงัดได้ดีกว่า พอฝึกข้างที่ถนัดจนเราจำความรู้สึกได้แล้ว ให้เราปลดคลีทออกจากบันไดและสลับมาฝึกแบบเดียวกันที่ข้างไม่ถนัดต่อจนเราจำความรู้สึกของแรงได้ จากนั้นเราจึงลองปั่นแบบสองขาตามปกติเราก็จะจับน้ำหนักที่เราส่งไปยังบันไดจักรยานของทั้งสองข้างได้และพยายามจะบาลานซ์แรงของเราเอง