เรามักจะได้ยินคำว่าคาร์ดิโอกันจนชินหูกันแล้วโดยเฉพาะกับผู้ออกกำลังกายทุกท่าน แต่บางท่านยังคงไม่ทราบถึงความหมายจริงๆ ว่ามันคืออะไร จริงๆ แล้วคาร์ดิโอคืออะไรกันแน่ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอกัน

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายแบบที่ไม่ค่อยหนักมากแต่ช่วยเสริมสร้างความเข็งแรงให้กับปอดและหัวใจให้แข็งแรงขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลต่อการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีและนำออกซิเจนไปใช้ได้มากขึ้น ทำให้ผู้ออกกำลังกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ หรือ ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในปัจจุบันมักจะออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ 

การออกกำลังกายที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ คือคาร์ดิโอ และ เวทเทรนนิ่ง ความแตกต่างของการออกกำลังกาย 2 แบบนี้จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ เวทเทรนนิ่งจะเน้นการออกกำลังกายโดยอาศัยกล้ามเนื้อในการยกอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักหรืออุปกรณ์ที่มีแรงต้านสูง เช่น การยกดัมเบล เป็นต้น

แต่คาร์ดิโอจะเป็นการออกกำลังกายแบบเน้นการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งถูกแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบที่มีแรงกระแทกค่อนข้างเยอะ เช่น การวิ่ง กระโดดเชือก กับแบบที่ไม่มีแรงกระแทก เช่น การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น 

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าจะต้องเจาะจงจริงๆ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะเหมาะกับผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพโดยรวม ต้องการเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน อยากมีระบบการเผาผลาญพลังงานที่ดี ชะลอความเสื่อมสภาพของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ไม่อยากให้ตัวเองเหนื่อยง่าย และ รู้สึกมีแรงอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งความจริงแล้วก็สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัยครับผม 

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแบบมีแรงกระแทกจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องของกระดูก ที่เราสามารถทำได้ทุกๆ วันก็จะมี วิ่ง กระโดดเชือก กระโดดตบ เต้นแอโรบิค เป็นต้น ส่วนการคาร์ดิโอในแบบแรงกระแทกต่ำจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลในปัญหากระดูกหรือมีปัญหาในเรื่องข้อต่อกระดูกจุดต่างๆ ที่ไม่สามารถรองรับแรงกระแทกสูงๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้แรงได้ ที่สามารถทำได้ในทุกๆ วันก็จะมี ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เดินเร็ว การเล่นโยคะบางประเภท หรือที่นิยมในปัจจุบันก็จะเป็นเซิร์ฟสเก็ตนั่นเอง 

ไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหน อย่างน้อยควรจะมีเวลาในการออกกำลังกาย 30 นาที โดยเริ่มจากระดับการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ก่อนแล้วจึงเพิ่มระดับความหนักหน่วงหรือความยากขึ้นไปทีละขั้น เพราะการเริ่มต้นจากแบบที่ยากจะทำให้ร่างกายคุณปรับสภาพไม่ทันส่งผลให้มีอาการบาดเจ็บได้ เราจึงควรเริ่มจากแบบที่ง่ายๆ และเข้ากับร่างกายของเราได้ดีก่อน 

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของน้ำดื่ม การดื่มน้ำเป็นประจำจะช่วยปรับอุณหภูมิ สภาพร่างกาย และ ชดเชยน้ำที่เราสูญเสียไปในขณะออกกำลังกายได้ดี แต่นอกจากน้ำแล้วเรายังสูญเสียเเร่ธาตุที่สำคัญอีกด้วยในขณะที่ออกกำลังกาย เครื่องดื่มเกลือแร่เย็นๆ ซ่าๆ ที่มีรสชาติอร่อยและพลังงานต่ำ สามารถช่วยเพิ่มความสดชื่นและเติมแร่ธาตุที่จำเป็นไปพร้อมๆ กันได้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก